อาการง่วง หรือหาวนอนบ่อยๆ เชื่อว่าเป็นอาการที่คนส่วนใหญ่ต้องเคยเจอมาก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งเราสามารถทราบสาเหตุพื้นฐานได้ง่ายๆ เช่น เกิดจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดจากบรรยากาศรอบตัวเหมาะแก่การงีบหลับนอนสักครู่ หรือบางทีก็เกิดจากการเบื่อ
แต่บางครั้งเคยเจอหรือไม่ ถึงแม้ว่าคืนก่อนตะนอนหลับสนิท และนอนพักผ่อนเพียงพอ ทำไมตื่นเช้ามาถึงรู้สึกอ่อนเพลีย หมดแรง รู้สึกต้องการเตียงนุ่มๆแล้วหลับแล้วหลับอีกหลายๆตื่น หากเคยมีอาการแบบนี้ ท่านอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคฮิตอย่าง “ภาวะอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง” อยู่ก็เป็นได้
อาการอ่อนเพลียเรื้อรังหรืออาการปวดกล้ามเนื้อเหตุจากสมองและไขสันหลังอักเสบที่เรียกย่อๆ ว่า CFS / ME (Chronic fatigue syndrome) หรือ อาการอ่อนเพลียหลังติดเชื้อไวรัส (Post-viral fatigue syndrome : PVFS) เป็นสภาวะที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าที่ต่อเนื่องรุนแรง จนรบกวนชีวิตประจำวันเพราะอาการส่งผลกระทบต่อทั้งทางร่างกายและจิตใจของ
สาเหตุของการเกิดอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
สาเหตุของ CFS / ME ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ แต่ก็มีหลายทฤษฎีที่พยายามจะอธิบายถึงสาเหตุ เช่นเช่น อาจจะเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรืออาจเกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมนในร่างกาย หรืออาจจะเกิดจากภาวะจิตใจ ที่เกิดความตึงเครียด แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น และปัจจุบันยังไม่มีหนทางในการรักษาให้หายขาดได้
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค CFS สูง ได้แก่
- อายุช่วง 40-50 ปี
- ผู้หญิง เพราะพบโรคนี้ได้ในผู้หญิงพบบ่อยกว่าในผู้ชาย
- อ้วน
- ผู้ที่เฉื่อยชา
- ผู้มีความเครียด ซึมเศร้า ผู้ที่เคร่งเครียดกับการใช้ชีวิตมาก แยกตัวออกจากสังคม และ/หรือ ตกงาน
อาการของโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง
CFS / ME ทำให้เกิดความอ่อนเพลียเหนื่อยล้ามากอันแตกต่างจากความเหนื่อยล้าตามปกติทั่วไป อาการที่พบบ่อยได้แก่
• ความเมื่อยล้าที่กินเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
• ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อต่อ โดยไม่มีอาการอักเสบ
• เจ็บต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอหรือรักแร้
• เจ็บคอและปวดหัว
• อาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่
• มีปัญหาในการนอนหลับ ตื่นขึ้นมายังรู้สึกเหนื่อยเหมือนไม่ได้พัก
• หลงลืม สับสน ไม่มีสมาธิ
• เวียนศีรษะ มีปัญหาในการทรงตัว
• ใจสั่น
• เหงื่อออก
• อาการลำไส้แปรปรวน เช่น ท้องผูก ท้องเสียและท้องอืด
โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่มาก และอาการไม่รุนแรง สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ดังนั้นการรักษาส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงรักษาประคับประคองตามอาการเท่านั้น ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด
ล่าสุดข่าวที่น่ายินดี เมื่อคณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) ได้ค้นพบเป็นครั้งแรกว่า พวกเขาสามารถระบุ ตัวชี้วัดทางชีวภาพ (Biological markers) ของโรคนี้ในแบคทีเรียในลำไส้และจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบในเลือด โดยงานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร Microbiome เมื่อวันที่ 23 เดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งในงานวิจัยได้อธิบายถึงวิธีการวินิจฉัย โรค CFS / ME ใน คนไข้โดยการตรวจจากอุจจาระและเลือดซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจในสาเหตุของโรคมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนักวิจัยกล่าวว่า “งานของเราแสดงให้เห็นว่า แบคทีเรียในลำไส้ของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรค CFS / ME ไม่ใช่แบคทีเรียชนิดปกติ ทำให้อาจจะนำไปสู่อาการทางระบบทางเดินอาหารและการอักเสบในคนไข้ นอกจากนี้ การตรวจสอบของความผิดปกติทางชีวภาพนี้นำไปสู่การค้นพบหลักฐานที่ขัดแย้งกลับคอนเซ็ปที่ว่า โรคนี้เป็นโรคที่เกี่ยวกับจิตวิทยา” และหนึ่งในผู้เขียน ได้สรุปว่า ในอนาคตเราอาจจะสามารถรักษาโรค CFS / ME ด้วยการปรับเปลี่ยนอาการการกิน, การใช้พรีไบโอติก (prepiotic) (คืออาหารที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อย และไม่ถูกดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร ทั้งกระเพาะและลำไส้เล็ก แต่จะถูกย่อยด้วยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ทำให้ช่วยกระตุ้นการทำงานและส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์โปรไบโอติก) เช่น น้ำตาลแอลกอฮอล์ ได้แก่ มอลติทอล ซอร์บิทอล ไซลิทอล เป็นต้น หรือ พอลิแซ็กคาไรด์ เช่น เพคติน เซลลูโลส กัวกัม บีตากลูแคน เป็นต้น ซึ่งอาจจะสามารถรักษาโรคนี้ได้”
นอกจากนี้ในงานวิจัยยังค้นพบว่า เมื่อเปรียบเทียบอุจจาระและเลือดของคนไข้ที่ป่วยเป็นโรค CFS / ME กับคนปกติที่มีสุขภาพดี ผลพบว่า ในอุจจาระของคนไข้พบชนิดของจุลินทรีย์ที่แตกต่างจากคนปกติ โดยพบว่า ความหลากหลายของเชื้อจุลินทรีย์ลดลง โดยเฉพาะเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติสังเคราะห์สารต้านการอักเสบมีปริมาณลดลงมากเช่นเดียวกับอุจจาระของผู้ป่วยด้วยโรคลำไส้ และในขณะเดียวกันยังพบอาการอักเสบในกระแสเลือดเนื่องจากการรั่วของผนังลำไส้ทำให้แบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งแบคทีเรียที่เข้าไปในกระแสเลือดจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดอาการของโรคอย่างอื่นที่แย่ลงตามมา
แต่ ถึงแม้ว่าจะมีความคืบหน้าที่ ช่วยให้สามารถหาหนทางในการรักษา หรือาจนำไปเป็นกรณีศึกษาเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่กระนั้นเรายังไม่สามารถฟันธง ได้ว่า สาเหตุการเกิดโรค CFS / ME เกิดจากการผิดปกติของชนิดของจุลินทรีย์ในลำไส้ หรือเพราะป่วยเป็นโรค CFS / ME จึงทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้ผิดปกติกันแน่
เนื้อหาจาก
https://www.sciencedaily.com/releases/2016/06/160627160939.htm
http://www.vcharkarn.com/varticle/505766
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/0781/prebiotic
https://www.bupa.co.th/th/corporate/health-wellbeing/detail.aspx?tid=81
http://goodproduct.net/article/topic-13997.html
http://haamor.com/th/กลุ่มอาการความล้าเรื้อรัง
ภาพจาก
https://www.healthtap.com/topics/a-lack-of-sleep-causes-a-lack-of-energy
https://constantfuckingshit.wordpress.com/2014/05/07/5-days-to-go-mecfs-may-12-international-awareness-day-poster-two/
http://solvecfs.org/what-is-mecfs/